วันพุธที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2561

อาการบวมช้ำหลังการผ่าตัดและการดูแลรักษา


อาการบวมช้ำหลังการผ่าตัดและการดูแลรักษา





1) การบวมช้ำนั้นถือว่าเป็นเรื่องปกติที่ต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอนหลังการผ่าตัดทุกชนิด เนื่องจากการผ่าตัดนั้นก็ถือว่าเป็นการทำให้เนื้อเยื่อได้รับการบาดเจ็บชนิดหนึ่งเช่นเดียวกันกับการเกิดบาดแผลจากอุบัติเหตุอื่นๆ ซึ่งการบวมช้ำนี้นอกจากจะขึ้นกับความรุนแรงของการบาดเจ็บแล้ว ยังขึ้นกับสภาพเนื้อเยื่อร่างกายของแต่ละคนด้วยว่า จะมีความสามารถในการตอบสนองและฟื้นฟูหลังการบาดเจ็บ (ดังข้อที่ 2 ด้านล่าง) มากน้อยแค่ไหน

2) เมื่อมีการบาดเจ็บของเนื้อเยื่อเกิดขึ้น ก็จะมีเลือดและน้ำเหลืองแตกออกมากองรวมกันอยู่ในเนื้อเยื่อบริเวณนั้นๆ เหมือนกับฟองน้ำที่ซับเอาไว้จนเกิดการบวมช้ำขึ้น เมื่อการรั่วไหลของเลือดและน้ำเหลืองนี้หยุดลง (ซึ่งช่วงนี้จะกินเวลาประมาณ 3-7 วันขึ้นกับความรุนแรงของการบาดเจ็บ) หลังจากนั้นจะค่อยๆมีการดูดซึมสารต่างๆเหล่านี้ในเนื้อเยื่อกลับคืนเข้าสู่เส้นเลือดเส้นน้ำเหลือง ซึ่งจะทำให้อาการบวมช้ำค่อยๆยุบและหายไปในที่สุด

3) การประคบเย็น จะมีผลทำให้หลอดเลือดมีการหดตัว ทำให้ลดการรั่วไหลของสารน้ำออกจากเส้นเลือด (และลดการดูดซึมกลับเข้าสู่เส้นเลือดด้วยเช่นกัน)

4) การประคบร้อน จะมีผลทำให้หลอดเลือดมีการขยายตัว ทำให้สามารถดูดซึมสารต่างๆในเนื้อเยื่อรอบๆข้างกลับคืนเข้าสู่เส้นเลือดได้ดีขึ้น (และเพิ่มการรั่วของสารน้ำออกไปได้มากขึ้นเช่นกัน)

5) การยกอวัยวะบริเวณที่บาดเจ็บนั้นในสูงกว่าระดับหัวใจ จะมีผลทำให้การไหลเวียนของเลือดในบริเวณนั้นกลับสู่หัวใจทำได้ดีขึ้นมากๆ (ตามแรงโน้มถ่วงโลกไงครับ)

จากหลักการที่ว่านี้ เราจะนำมาประยุกต์ใช้ในการดูแลรักษา เพื่อลดอาการบวมช้ำหลังการผ่าตัดให้เกิดขึ้นน้อยที่สุด และหายจากอาการบวมที่เกิดขึ้นในเร็วที่สุด ได้อย่างไร ผมว่าบางท่านที่ตั้งใจอ่านและคิดตามไปด้วยคงพอจะทราบแล้วหละครับ






จากเหตุผลที่กล่าวมาทั้งหมด จึงสรุปวิธีการดูแลรักษาได้ดังนี้

1) ประคบเย็น (และยกหัวให้สูงกว่าระดับหัวใจ) ในช่วง 3-5 วันแรก เพื่อยับยั้งการรั่วไหลของสารน้ำออกจากเส้นเลือดให้เร็วที่สุด ซึ่งจะมีผลทำให้การบวมเกิดขึ้นน้อยลงมาก
โดยแนะนำให้ประคบเย็นทันทีหลังผ่าตัดเสร็จ (เช่นเดียวกันกับหลังการบาดเจ็บจากสาเหตุอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น หัวโน ประตูหนีบนิ้ว หน้าแข้งชนขอบเตียง ข้อเท้าแพลง ก็ให้รีบประคบเย็นทันทีเช่นเดียวกันครับ)
โดยการประคบก็ทำได้ง่ายๆโดยการใช้อะไรก็ได้ที่เย็นๆไม่ว่าจะเป็น แผ่นเจลประคบเย็น หรือผ้าห่อก้อนน้ำแข็ง โปะบนบริเวณที่ผ่าตัดหรือได้รับบาดเจ็บนั่นโดยตรงได้เลยครับ ยกเว้น................

กรณีที่เสริมจมูกหรือคาง ห้ามประคบลงบนตัวซิลิโคนที่เสริมอย่างเด็ดขาดนะครับ ไม่เช่นนั้นซิลิโคนอาจจะเลื่อนออกจากตำแหน่งได้
(อย่ามัวแต่ห่วงเรื่องบวม แล้วสุดท้ายดันได้จมูกเบี้ยวคางเบี้ยวมาแทนนะ)

อ้าว....แล้วถ้าอยากประคบจริงๆละ จะทำยังไง?

โดยทั่วไปแล้ว ผมไม่แนะนำให้ประคบนะครับ เพราะกลัวไปโดนซิลิโคนอย่างที่บอกไป แต่ถ้าอยากประคบจริงๆก็พอทำได้ โดยให้ประคบรอบๆบริเวณที่หมอแปะเทปไว้ก็พอครับ ให้ความเย็นมันกระจายไปแถวๆนั้นก็พอจะช่วยได้ระดับนึงเลย

ส่วนตัวแล้ว ผมจะเน้นไปที่การนอนหัวสูงมากกว่าครับ
ดีที่สุดก็คือนั่งหลับ (ในอาร์มแชร์) เหมือนเวลานอนในเครื่องบินหรือรถทัวร์ไปเลย แต่ถ้าอยากนอนเตียง ก็ให้เอาหมอนพิงกับผนังหรือหัวเตียง (ยิ่งถ้าได้เข้ามุมจะดีมาก) เหมือนเวลานอนอ่านหนังสือก่อนนอน

แต่ถ้าเป็นการผ่าตัดอย่างอื่นเช่น ทำตาบนตาล่าง ผมแนะนำให้โปะมันเข้าไปเลยตรงๆครับ ลืมความเชื่อเรื่องกลัวแผลเปื้อนน้ำไปได้เลยครับ ถ้ากลัวมากก็เอาขี้ผึ้งทาแผลที่ให้ไปทาพอกแผลเอาไว้ก็ได้ (เวลาทาก็ไม่ต้องเรื่องมากครับ ล้างมือฟอกสบู่ เอายาป้ายนิ้ว แล้วก็ป้ายๆๆๆไปได้เลย)

ในทางตรงข้าม ในช่วงระยะเวลานี้ ไม่แนะนำให้ประคบร้อนเลยนะครับ เพราะมันจะทำให้เส้นเลือดขยายตัวและทำให้เกิดผลในทางตรงข้ามกับการประคบเย็นทุกประการ (ไม่อยากบอกว่า "ห้ามโดยเด็ดขาด" เพราะเคยได้ยินคุณหมอบางคนก็แนะนำให้ประคบอุ่นอยู่)

ไม่จบแฮะ นิ้วหงิกละ เอาแค่นี้ก่อนละกันครับผม Good Night

อาการบวมช้ำหลังการผ่าตัดและการดูแลรักษา (ตอนที่ 3 จบซะที)

2) หลังจากครบ 1 สัปดาห์ ให้เปลียนมาเป็นประคบอุ่นแทน เพื่อช่วยให้เส้นเลือดขยายตัวมารับการดูดซึมกลับของสารน้ำต่างๆที่ค้างอยู่ในเนื้อเยื่อที่บวม นอกจากนี้ความร้อนยังช่วยให้ลิ่มเลือดเก่าละลายเร็วขึ้น รวมทั้งทำให้พังผืดภายในที่แข็งเป็นไต อ่อนนุ่มเร็วขี้นด้วย
การประคบเย็นในช่วงนี้ทำให้เกิดผลลัพธ์ในทางตรงกันข้ามเช่นเดียวกัน

แต่ที่ต้องระมัดระวังนิดนึงก็คือ อย่าให้วัสดุที่นำมาประคบ ร้อนเกินไปจนลวกผิวหนังได้นะครับ!!!

ผมเคยเจอกับตัวมาแล้วในเคสที่ดูดไขมันแล้วประคบร้อนด้วยถุงน้ำร้อนที่ร้อนเกินไป เนื่องจากผิวหนังบริเวณที่ผ่าตัดมันมักจะมีอาการชาอยู่บ้างจากการที่เส้นประสาทฝอยบริเวณนั้นถูกทำลายจากการผ่าตัด ทำให้คนไข้ไม่รู้ว่ามันร้อนจัดเกินไป กว่าจะรู้ตัวอีกทีหนังก็พองเป็นถุงน้ำไปแล้ว ต้องมาทำแผลต่ออีกหลายวัน

ดังนั้น ผมจึงไม่แนะนำให้ใช้แผ่นเจลประคบมาทำเป็นถุงร้อน เพราะมันมักจะร้อนจนเกินไป ถ้าจะใช้ แนะนำให้เอามาประคบดูบริเวณท้องแขนดูก่อนว่าร้อนเกินไปหรือไม่ก่อนจะนำไปประคบบริเวณที่ผ่าตัด จริงๆแล้วใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่นแล้วบิดให้หมาดๆเนี่ยแหละดีที่สุดแล้วครับ
และทีสำคัญ หลังจากเริ่มประคบร้อนแล้วสังเกตว่าอาการบวมกลับเป็นมากขึ้นอีก ให้หยุดประคบร้อนทันทีเลยนะครับ

3) แถมท้ายให้เรื่องยากินลดบวม (Danzen, Reparil) ยาพวกนี้จะมีประโยชน์แค่ในช่วงแรกๆเท่านั้นครับ ไม่จำเป็นต้องกินต่อเนื่องเป็นเวลานานจนหายบวมสนิทหรอกนะ ส่วนเรื่องน้ำใบบัวบกหรือน้ำมะพร้าวที่ชอบมีคนแนะนำนั้น เชิญจัดกันได้ตามสะดวกเลยครับ เพราะผมเองก็ชอบกินเหมือนกันเวลาช้ำ(ใจ)

สุดท้ายคือ ยาทาแผลเป็น ในกรณีที่มีแผลผ่าตัด แนะนำให้เริ่มทาหลังตัดไหมไปแล้วซัก 2-3 วันนะครับ ไม่ต้องรีบร้อน มันไม่ใช่ทาแล้วหายวันนี้พรุ่งนี้ซะเมื่อไหร่กัน

โดยหมอต้น นพ. ชนกร เตือนอารีย์ 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น